3.
งานฉลองวันเกิดเจ้าพ่อกวนอู
เจ้าพ่อกวนอูท่านเกิดในตระกูลสามัญชนมีนามเดิมว่าฉางเซิน(เชียงเฮง)
เกิดวันอังคารที่ 13 เดือนห้า ปีขาล ค.ศ. 161 ตำบลไก่เหลียง มณฑล ซานซี (ซั้วไซ)
รูปร่างลักษณะของท่านสูงใหญ่หน้าแดง คิ้วตก ตาดำ หนวดเครายาว น้ำเสียงดังกังวาลอุปนิสัยรักษาคำพูดด้วยชีวิตรักคุณธรรมชอบการอ่านหนังสือ
สำหรับหนังสือที่อ่านประจำชื่อหนังสือ"ซุนซิว"และมีความสามารถในการรบ
ท่านได้เข้ารับราชการจนได้ตำแหน่งเจ้าเมืองเก็งจิ้ว(หรือแม่ทัพกวนอู)ต่อมา ได้พบกับเล่าปี่และเตียฮุยจึงได้ร่วมสาบานเป็นพี่น้องกันว่าจะซื่อสัตว์ต่อกัน
จนตายเมื่ออกศึกกู้ชาติบ้านเมืองอาวุธประจำตัวท่านคือง้าวหนัก82ชั่งม้าศึก ฝีเท้าดีชื่อ
"เซ็กเทา" ขุนศึกคู่ใจ 2 ท่าน คือ "กวนเป็ง" ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรม
และ "จิวฉอง"ต่อมาท่านเสียชีวิต ทางราชการยกย่องให้เป็นเทพารักษ์ เรียก
ว่า"กวนตี่"หรือ"บู่ตี่"คือเทพเจ้าแห่งสงครามหรือเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์
ชาวจีนจึงนำรูปปั้นไว้บูชาเพื่อขจัดทุกข์สิ่งชั่วร้ายต่างๆจากบ้านเรือนและนำ โชคลาภความเป็นสิริมงคลเข้ามาแทนที่เพื่อให้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุข
ชนรุ่นหลังต่อมาได้ทำพิธีจัดงานกราบไหว้บูชาจนเป็นประเพณีสืบต่อกันมา ทุกวันที่
13 เดือน 5 ของทุกปี (ตามวันจีน)
4.
งานเทศกาลสารทจีนและทิ้งกระจาด
มีความสำคัญสำหรับคนจีนและคนไทยเชื้อสายจีน เป็นประเพณีของจีนสืบมาแต่โบราณนานกว่า
2000 ปีล่วงมาแล้ว ความเชื่อระหว่างพระพุทธศาสนา การบูชาบรรพบุรุษลัทธิเต๋า ลัทธิขงจื้อ
และการถือเจ้า โดยมีการผสมผสาน ความเชื่อในศาสนา เทพเจ้า ผีไสยศาสตร์ ซึ่งแสดงออก
มาในรูปของ พิธีกรรม การบูชาเซ่นไหว้เทพเจ้า ที่ตนเคารพบูชาทุกวันที่ 15 เดือน
7 ของจีน จะเป็นเทศกาลสารทจีน หรือเรียกว่า "ตงง้วนโจ่ย"เป็นการไหว้ครั้งที่5ของปีนอกจากเทศ
กาลสารทจีนแล้วในเดือน 7 ของจีน ยังมีพิธี
5.งานฉลองวันเกิดเจ้าแม่ทับทิม
ตามประวัติที่เล่าสืบกันมาเกี่ยวกับเจ้าแม่ทับทิม มีความว่า เจ้าแม่ทับทิมเป็นบุตรีเจ้าเมืองมณฑลฮกเกี้ยนฝักใฝ่ทางธรรม
ตั้งแต่เล็กจนได้เป็นผู้สำเร็จภาค(เซียน)เป็นสานุศิษย์ของเจ้าแม ่กวนอิมคอยช่วยเหลือราษฎรอยู่เสมอจึงเป็นที่เคารพบูชาของชาว
จีนชาวจีนขนานนามว่า"เจ้าแม่แห่งความเมตตา"ถือว่าผ้ายันต์สี แดงรูปสามเหลี่ยมมีตราประทับองค์เจ้าแม่ทับทิมนั้นเป็นสิ่งศักดิ์
สิทธ์สามารถป้องกันอันตรายได้ชาวจีนแต่โบราณนิยมติดยันต์นี้ ไว้ในเรืองานวันเกิดเจ้าแม่ทับทิม
จัดที่ ศาลเจ้าพ่อเทพารักษ์ (แควใหญ่) วันที่ 9 - 11 พฤศจิกายน 2543 (วันที่ 14
- 16 เดือน 10 ของจีน) เมื่อปีที่แล้วจัดงานโดยชาวคณะไหหลำ ปีนี้จึงเป็นหน้าที่ของชาวจีนแต้จิ๋ว
จัดสลับกันอย่างนี้ทุกปีไป กลางคืนมีงิ้วให้ชมเช่นเคย แต่จะเป็นอุปรากรจีนไหหลำ
หรือแต้จิ๋ว ก็แล้วแต่คณะกรรมการจัดงาน
"ซิโกว"ซึ่งแปลเป็นไทยว่าการทิ้งกระจาดวิญญานมีตำนานเล่ากันมาว่าสมัยจักรพรรดิ์อู่ราชวงศ์เหลี่ยง
มีเรื่องเกิดขึ้นกล่าวคือจักรพรรดิ์อู่ทรงสุบินว่ามีผู้มาขอให้พระองค์ทำการราชพิธี
ทำบุญกุศลอุทิศให้แก่ญาติพี่น้องที่ตายไปแล้วทั้งทางบกทางทะเล"จงอุทิศตัวเองให้แก่ความต้องการอัน
สมควรแก่ประชาชนจงเคารพในฝีมือและดวงวิญญาณแต่อย่าเข้าใกล้มากนักเช่นนี้จึงเรียกได้ว่าเป็นคน
มีปัญญา"เมื่อทรงสุบินเช่นนั้นพระองค์จึงทรงเรียกราชบัณฑิตประจำสำนักเข้าเฝ้าแล้วตรัสถามเพื่อแก้
สุบินนิมิตราชบัณฑิตจึงทูลว่าทายาทของพระองค์ที่ล้มตายจากไปนั้นต้องวิบากกรรมหนักอดโซไม่ได้กิน
อาหารเลยเพราะญาติในเมืองมนุษย์ไม่มีใครทำบุญอุทิศไปให้พระองค์จึงได้ทรงประกอบราชพิธีทำบุญ
แล้วจึงทรางอุทิศส่วนกุศลไปให้สรรพสัตว์ที่เป็นเปรตชนทั้งหลายได้มาอนุโมทนารับส่วนบุญได้ทั่วกัน
เปรตชนเมื่อได้รับส่วนบุญแล้วก็พากันดีใจอวยพรให้ญาติพี่น้องในเมืองมนุษย์มีความเป็นอยู่ร่มเย็น
เป็นสุขตัวเขาจะได้ไปผุดไปเกิดเสียที
หน้า
1 2